December 28, 2022 à 8:08 AM

Chevrolet Captiva มือสอง รุ่นใดน่าใช้งานที่สุด 2022

Chevrolet Captiva รถอเนกประสงค์ SUV ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย ในราคาเริ่มต้นประมาณ 100,000 บาท เท่านั้น

Chevrolet Captiva อเนกประสงค์ SUV รุ่นเรือธงสายพันธุ์อเมริกันอีกรุ่นหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากนักขับชาวไทยเป็นอย่างมาก โดยมีชื่อเดิมว่า C100 ก่อนที่ในภายหลังจะมีการเปิดตัวทำตลาดอย่างเป็นทางการในปี 2006 พร้อมเข้าสู่สายพานการผลิตในประเทศไทยในปีเดียวกัน สำหรับจุดเด่นของเชฟโรเลต แคปติวาอยู่ที่การดีไซน์ห้องโดยสารให้มีขนาดที่ใหญ่กว่ารถรุ่นอื่นในเซกเมนท์เดียวกันในรูปแบบรถแฮทช์แบ็ก 5 ประตู พร้อมเบาะนั่งภายในจำนวน 7 ที่นั่ง ผสานกับฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกชนิดที่เรียกว่าจัดเต็มอันเป็นคุณสมบัติเด่นของรถรุ่นนี้ซึ่งสามารถตอบโจทย์การใช้งานในรูปแบบรถครอบครัวได้เป็นอย่างดี โดยมีมิติตัวถัง ยาว x กว้าง x สูง : 4,655 x 1,835 x 1,760 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร ขณะที่ทางเลือกรุ่นย่อยมีให้ใช้งานกันถึง 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น Turbo LS , รุ่น Turbo LT และรุ่น Turbo Premier โดยได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT สำหรับตลาดรถเมืองไทยเชฟโรเลต แคปติวา มือสอง ยังคงได้รับความสนใจจากผู้ใช้รถเป็นอย่างมากด้วยเป็นรถที่สามารถจุผู้โดยสารได้จำนวนมาก อีกทั้งห้องโดยสารยังมีขนาดที่กว้างขวางนั่นเอง

รีวิว Chevrolet Captiva รุ่นที่น่าใช้งานที่สุด 2022

Chevrolet Captiva สร้างความประทับใจให้ผู้ขับขี่ในทุกเส้นทางในสไตล์รถอเนกประสงค์ SUV ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีสุดล้ำหน้าผสานกับการดีไซน์เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวถังในสไตล์รถอเมริกัน เสริมด้วยทางเลือกรุ่นย่อยที่มีให้ถึง 3 รุ่น พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร ขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ ผสานกับการดีไซน์ภายนอกให้ดูโฉบเฉี่ยวสะดุดตามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะรุ่น Turbo Premier ซึ่งถือเป็นรถรุ่นท็อปสุดในไลน์การผลิตแคปติวา มีราคาเริ่มต้นประมาณ 1,199,000 บาท เท่านั้น

Chevrolet Captiva รุ่น Turbo Premier อเนกประสงค์ SUV ที่มาพร้อมกับความสปอร์ตได้อย่างลงตัวผสานกับฟีเจอร์เสริมที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้ง่ายมากยิ่งขั้นทั้งจากการติดตั้งไฟหน้าแบบ LED พร้อมฟังก์ชั่นหน่วงเวลาปิด ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่กลางวัน DRL แบบ LED และไฟตัดหมอกคู่หน้า และระบบไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ เสริมด้วยการติดตั้งกระจังหน้าขนาดใหญ่พร้อมคิ้วขอบโครเมียม กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัวปรับพับได้ด้วยไฟฟ้า หลังคาพารามิกซันรูฟพร้อมระบบเปิด-ปิดได้ด้วยไฟฟ้าระบบ One Touch ติดตั้งเสาอากาศแบบครีมฉลาม ด้านหลังติดตั้งไฟท้ายแบบ LED เสริมด้วยการติดตั้งสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ช่วงล่างติดตั้งล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง ขนาด 215/60 R17

ภายในเชฟโรเลต แคปติวา รุ่น Turbo Premier ได้รับการดีไซน์อย่างเรียบหรูด้วยห้องโดยสารขนาดใหญ่ตกแต่งภายในด้วยสีทูโทน พร้อมฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกภายในแบบจัดเต็มทั้งจากเบาะที่นั่งคนขับสามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้ ติดตั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบอินโฟเทนเมนท์บนหน้าจอระบบทัชสกรีนบริเวณคอนโซลกลาง ขนาด 10.4 นิ้ว พร้อมช่องเชื่อมต่อ AUX และ USB รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Apple CarPlay เสริมด้วยการติดตั้งระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control

Chevrolet Captiva รุ่น Turbo Premier ได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน เบอร์โบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-3,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT 8 สปีด ขับเคลื่อนด้วย 2 ล้อคู่หน้า พร้อมโหมดการขับขี่แบบประหยัด Eco Mode และ Sport Mode ที่พร้อมเพิ่มประสบการณ์ขับขี่อย่างเหนือระดับได้ในทุกเส้นทางอีกทั้งยังมอบอัตราการประหยัดน้ำมันได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย 

อ่านเพิ่มเติม: รถจิ๊บมือสอง รถขับเคลื่อน 4 ล้อสมรรถนะสูง พร้อมให้ท่านเป็นเจ้าของได้ในราคาถูก

เครื่องยนต์ Chevrolet Captiva

 

  • เครื่องยนต์เบนซิน เบอร์โบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร
  • เครื่องยนต์เบนซิน Double CVC 4 สูบ 16 วาล์ว Flex Fuel ขนาด 2.4 ลิตร
  • เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC เทอร์โบแปรผัน ขนาด 2.0 ลิตร 

 

Chevrolet Captiva เจนเนอเรชั่นที่ 1

Chevrolet Captiva เจนเนอเรชั่นที่ 1 มาในรูปแบบรถอเนกประสงค์ SUV พร้อมเบาะนั่งภายในจำนวน 7 ที่นั่ง โดยได้เริ่มวางตลาดจำหน่ายในปี 2006-2018 ชูจุดเด่นด้วยการดีไซน์ภายนอกที่มีความสปอร์ตดุดันตอบโจทย์รถเอสยูวีสำหรับครอบครัวได้อย่างแท้จริง ขณะที่ภายในก็ได้รับการดีไซน์ห้องโดยสารให้มีขนาดใหญ่พร้อมฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกสุดครบครัน ผสานกับทางเลือกรุ่นย่อยทที่มีให้ใช้งานกันมากถึง 4 รุ่น ด้วยกัน พร้อมทางเลือกเครื่องยนต์ที่ให้ใช้งานทั้งในรูปแบบเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร และ เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.4 ลิตร

Chevrolet Captiva เจนเนอเรชั่นที่ 1 ติดตั้งเครื่องยนต์ 2 รูปแบบ ได้แก่

  • เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC เทอร์โบแปรผัน ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร 
  • เครื่องยนต์เบนซิน Double CVC 4 สูบ 16 วาล์ว Flex Fuel ขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตัน-เมตร 

Chevrolet Captiva เจนเนอเรชั่นที่ 1 ในทั้ง 2 รุ่น ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบ Drive Shift Control ติดตั้งระบบขับเคลื่อนทั้งรุปแบบ 2 ล้อ และ 4 ล้อ ในรุ่นเครื่องยนต์ทั้ง 2 รูปแบบ นอกจากนี้แล้วยังได้รับการติดตั้งระบบตรวจวัดและแจ้งเตือนแรงลมยางแบบ Tire Pressure Measuring System ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถรับรู้ถึงสถานะของลมยางได้อย่างง่ายดาย ส่วนระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ขณะที่ช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบอิสระ Multi-Link 4 จุด ให้ความนุ่มนวลและเกาะถนนเป็นเลิศ

chevrolet captiva มือสอง เจนเนอเรชั่นที่ 1 ราคาเริ่มต้นประมาณ 100,000 บาท ถึง 300,000 บาท

Chevrolet Captiva เจนเนอเรชั่นที่ 2

Chevrolet Captiva เจนเนอเรชั่นที่ 2 ถูกวางตลาดจำหน่ายในประเทศไทยปี 2019-ปัจจุบัน นับเป็นรถยนต์แคปติวาที่ได้รับการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์มาให้มีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น เสริมด้วยฟีเจอร์อำนวยความสะดวกภายในแบบจัดเต็มอันเป็นเอกลักษณ์ของรถรุ่นนี้ อีกทั้งฟังก์ชั่นเสริมที่มีให้มากมาย อาทิ หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ เปิด-ปิด ได้ด้วยไฟฟ้า ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง หน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาดใหญ่ 10.4 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน

Chevrolet Captiva เจนเนอเรชั่นที่ 2 มาพร้อมทางเลือกเครื่องยนต์ 1 รูปแบบ ได้แก่

  • เครื่องยนต์เบนซิน เบอร์โบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร 

Chevrolet Captiva เจนเนอเรชั่นที่ 2 ได้รับการติดตั้งระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ CVT 8 สปีด ขับเคลื่อน 2 ล้อ พร้อมโหมดการขับขี่แบบประหยัด Eco Mode และ Sport Mode ที่สามารถรองรับการขับขี่ได้ในทุกสภาพเส้นทางเพียงปรับเลือกโหมดเกียร์ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร ยังมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต่ำ เครื่องยนต์สามารถตอบสนองต่ออัตราการเร่งได้เป็นอย่างดีด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม

เชฟโรเลต แคปติวา เจนเนอเรชั่นที่ 2 ราคาเริ่มต้นประมาณ 500,000 บาท ถึง 600,000 บาท

สำหรับผู้ที่มีความสนใจ chevrolet captiva รถอเนกประสงค์ SUV 7 ที่นั่ง มาพร้อมกับห้องโดยสารขนาดใหญ่และฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกภายในสุดครบครัน เลือกรถเชฟโรเลต แคปติวา มือสอง สภาพดี ราคาถูก รถบ้านเจ้าของขายเอง มีความน่าเชื่อถือ ค้นหารถเชฟโรเลต แคปติวา มือสอง รุ่นที่ตอบสนองการใช้งานของคุณได้ง่ายๆแค่ทัช Chobrod.com ตลาดรถยนต์ออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย

ดูบทความเพิ่มเติมได้ที่: https://chobrodusedcars.footeo.com/

Comments